ผมมีแฟนชื่อ “กระต่าย”
เราเข้ากันได้ดีมาก ในขณะที่หลายคนฟังประเด็นและอ่านงานผมไม่รู้เรื่อง
เธอเข้าใจมันดีมาก แถมยังเสนอไอเดียบางอย่างเพิ่มเติม พูดอย่างตรงไปตรงมาคือ
งานผมหลายชิ้นได้รับอิทธิพลและข้อเสนอเล็กๆ น้อยๆ จากเธอเหมือนกัน และนี่อาจเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้ผมรักเธอ
(นอกจากรูปร่างหน้าตาที่ดีแล้ว)
ทุกครั้งที่ผมเครียด
จะส่งข้อความเฟสบุคเล่าให้เธอฟังว่าไปพบอะไรมา คนนั้นเขามีปฏิกิริยาอย่างไร เธอมักจะส่งสติ๊กเกอร์
“แครอท” กลับมา อันนี้เป็นสัญลักษณ์ของกระต่าย เธอเคยพูดว่า ไม่ต้องห่วงนะ “เราจะไปปาแครอทใส่มันเอง”
บางครั้งเธอส่งสติ๊กเกอร์ “แป้งที่เป็นรูปหน้าคนซึ่งกำลังถูกนวด” เพื่อสะท้อนว่า “เดี๋ยวเราจะจัดการมัน”
ทั้งที่เธอไม่เคยทำร้ายใคร เช่นเดียวกับผม ถ้ามีปัญหากับคนอื่น เราเลือกที่จะเถียง และทำนองเดียวกัน เมื่อเธอเครียดและเล่าให้ผมฟัง ผมก็จะตอบกลับด้วยสติ๊กเกอร์และข้อความประมาณนั้น
ทั้งที่เธอไม่เคยทำร้ายใคร เช่นเดียวกับผม ถ้ามีปัญหากับคนอื่น เราเลือกที่จะเถียง และทำนองเดียวกัน เมื่อเธอเครียดและเล่าให้ผมฟัง ผมก็จะตอบกลับด้วยสติ๊กเกอร์และข้อความประมาณนั้น
เมื่อเห็นสติ๊กเกอร์นั้น
ความโกรธผมคลายลงอย่างมาก แท้จริงแล้ว การบำบัดเกิดขึ้นง่ายเพียงเพราะเรารู้สึกว่า
“มีคนเข้าใจเรา”
กีสาโคตมี เสียใจมากเพราะลูกตาย
เธออุ้มศพเด็กไปหาหมอเพื่อรับการรักษา จนเขาคิดว่าเธอเป็นคนบ้า หมอทุกคนปฏิเสธเธอ
สุดท้ายไปพบพระพุทธเจ้า ท่านรับปากจะรักษาให้ด้วยเงื่อนไขที่ว่า
เธอต้องไปหาเมล็ดผักกาดจากบ้านที่ยังไม่เคยมีญาติตาย เธอพยายามอยู่นาน คำตอบที่ได้คือ
ปู่เพิ่งตาย แม่เพิ่งตาย พี่เพิ่งตาย หรือลูกเพิ่งตายไปเหมือนกัน
เธอได้เรียนรู้ว่า “แม่ง คนอื่นเขาก็ตายกันนี่หว่า ไม่ได้ตายเฉพาะลูกกู” เธอได้รับรู้ความเศร้าใจของคนอื่นๆ และได้ “เพื่อน” ที่หัวอกเดียวกัน พูดให้ง่ายคือ เมื่อได้แบ่งปันความรู้สึกกับผู้อื่น และรู้สึกว่าคนอื่นเข้าใจตัวเอง เธอก็ได้รับการบำบัด
เธอได้เรียนรู้ว่า “แม่ง คนอื่นเขาก็ตายกันนี่หว่า ไม่ได้ตายเฉพาะลูกกู” เธอได้รับรู้ความเศร้าใจของคนอื่นๆ และได้ “เพื่อน” ที่หัวอกเดียวกัน พูดให้ง่ายคือ เมื่อได้แบ่งปันความรู้สึกกับผู้อื่น และรู้สึกว่าคนอื่นเข้าใจตัวเอง เธอก็ได้รับการบำบัด
นี่เป็นเพียงข้อดีอย่างหนึ่งของแฟน
ผมไม่แน่ใจว่าคนที่ฆ่าตัวตายเขามีแฟนกันไหม หรือถ้ามี แฟนเป็นคนที่คอยรับฟังทุกเรื่องได้ไหม
ความพิเศษของแฟนน่าจะอยู่ตรงที่เราสนิทและคุยทุกอย่างได้มากกว่าสมาชิกในครอบครัวด้วยซ้ำ
ยิ่งหากครอบครัวไหนเต็มไปด้วยการลงโทษ การติหนิ โดยปกติเด็กจะไม่กล้าปรึกษาปัญหากับผู้ปกครอง
อาจถามว่า เพื่อนมีตั้งเยอะ
ทำไมไม่ไปปรึกษา (และยังจะฆ่าตัวตาย) ตอบว่า
ยากมากที่เราจะหาคนที่เข้าใจเราได้จริงๆ คนที่รับฟังเราต้องเข้าใจเรา
ไม่ใช่แค่แสดงให้เห็นว่าสงสารเรา ผมมีเพื่อนนับร้อยคน
แต่คนที่เราจะคุยเมื่อมีปัญหาจริงๆ หรือปรึกษาเรื่องสำคัญกลับนึกหน้าได้แค่ 2-3
คนเท่านั้น ไม่ต้องพูดถึงคนที่เขาอาจไม่มีเพื่อนสนิทจริงๆ เลย นี่อาจเป็นเหตุผลสำหรับหลายคนว่าทำไมเพื่อนจึงช่วยบำบัดไม่ได้
ดังนั้น การเปิดโอกาสให้ลูกได้หาแฟน
หรือสร้างสัมพันธ์ในระดับต่างๆ กับคนอื่นๆ จึงไม่ใช่เรื่องน่ากลัว ต่อให้เขาอกหัก
เขาก็จะเรียนรู้และชินกับมันจนแข็งแกร่ง ไม่ควรมีแนวคิดกลัวการเสียพรหมจรรย์จนปิดโอกาสในการได้แฟนที่ดีซึ่งมีคุณประโยชน์ต่อชีวิตในระยะยาว
ป.ล. แต่ผมไม่บอกนะ ว่ากระต่ายเป็นตัวผู้หรือตัวเมีย
อิอิ
เจษฎา บัวบาล
16 ธันวาคม 2561
ขอบคุณภาพจาก https://www.telegraph.co.uk/news/health/pets-health/9353529/Carrots-are-bad-for-rabbits-RSPCA-says.html
No comments:
Post a Comment