Friday, November 30, 2018

แม่ชีไม่ใช่มาเฟีย




ผมเขียนอันนี้เพื่อจะแย้งกับสิ่งที่ข่าวนำเสนอเรื่องแม่ชีวัดแสงแรง นครศรีธรรมราช เป็นมาเฟีย ควบคุมวัด ใช้เป็นแหล่งมั่วสุม ซึ่งสุดท้ายพระต้องขอให้ทหารมาช่วยจัดการแม่ชีให้พ้นไปจากวัด ( ดูข่าวใน เร่งขนย้ายสิ่งของ "แม่ชีมาเฟีย" พ้นวัดดังเมืองคอน)

ผมเคยอยู่วัดแสงแรง 3 ปี ในฐานะพระ และใช้เวลาส่วนใหญ่ในมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ ซึ่งห่างไปประมาณ 2 กิโลเท่านั้น ฉะนั้นสิ่งที่ผมจะเล่าต่อไปนี้ จึงไม่ใช่ข้อมูลเบื้องลึกของคนรู้วงใน แต่เป็นข้อสังเกตพื้นๆ ที่ผมพบเห็นบ้างและทั้งฝ่ายแม่ชีและพระเล่าให้ผมฟังบ้าง


แม่ชีถือเป็นคนเก่าแก่ของวัด เพราะเป็นคนที่เคยอยู่กับพ่อท่านทอง (อดีตเจ้าอาวาสคนสำคัญที่พัฒนาวัดนี้) ท่านบวชมาราว 30 ปี ถ้าเป็นพระต้องถือว่า มหาเถระหรือเกจิไปแล้ว ในฐานะที่คลุกอยู่กับเรื่องศักดิ์สิทธิ์ เหตุผลของการบวชคือ ขอให้พี่สาวนุ้ย (สิ่งศักดิ์สิทธิ์ในวัด) ช่วยให้หายป่วย และเมื่อหายป่วยจริง ก็ต้องรักษาสัญญา โดยที่ท่านตั้งใจว่า จะบวชตลอดชีวิตและปรนนิบัติพี่สาวนุ้ย (หมายถึง ช่วยดูแลรูปปั้น ทำความสะอาด หากล้วยและอาหารอย่างอื่นมาตั้งถวาย)

อย่ากล่าวหาว่าคนอื่นงมงาย
เพราะพฤติกรรมเช่นนี้ ท่านจึงถูกกล่าวหาว่างมงาย และเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาวัด เพราะเมื่อมีคนเจ็บป่วยมา ท่านก็แนะนำให้ขอพรจากพี่สาวนุ้ยเป็นต้น ให้เรานึกถึงหัวอกคนที่เขาเชื่อครับ ต่อให้เรามองว่าแม่ชีหลอกหรือมีผลประโยชน์จากการที่คนมาบูชาพี่สาวนุ้ย แต่การแนะนำเช่นนี้ เป็นทางเดียวของคนที่เคยหายจากความเจ็บป่วยเพราะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ นี่เป็นประสบการณ์ตรงของเขา และการชักจูงนั้นอาจมาจากเจตนาดีที่อยากช่วยก็เป็นได้

จริงๆ มีขบวนการขับไล่แม่ชีหลายครั้ง ทุกครั้งก็จะอ้างเหตุผลเรื่องสิ่งศักดิ์สิทธิ์นี้ เมื่อราวปี 2557 พระและญาติโยมธรรมกายมาขอใช้วัดในการจัดบวชพระเข้าพรรษา พระธรรมกายเองก็ต้องการจะพัฒนาวัดแสงแรงต่อ แต่มีเงื่อนไขว่า ต้องไม่มีแม่ชีอยู่ในวัด เพราะแม่ชีเป็นคนตรง พิธีกรรมไหนที่แกไม่คุ้นชินก็จะถามหรือแย้งไปตรงๆ เช่น พระธรรมกายนิมนต์พระสงฆ์ขึ้นสวดพระปริตร (เจริญพุทธมนต์) ในวัดทอดกฐิน แม่ชีก็พูดว่า ไม่มีวัดไหนจัดพิธีเจริญพุทธมนต์ในวันนี้หรอก ขณะเดียวกัน แม่ชีได้รับกลองยาวมาร่วมเปิดงาน แต่ธรรมกายปฏิเสธด้วยเหตุผลว่าไม่ควรทำงานกฐินให้เป็นงานรื่นเริงและผิดพุทธบัญญัติ พิธีแห่กฐินของธรรมกายจึงเป็นการเปิดเพลงเบาๆ “ดังชาวสวรรค์อัญเชิญผ้าไตร” ถามว่า เพลงเช่นนี้มีในพุทธบุญญัติหรอครับ อิอิ

ผมนึกไม่ออกจริงๆ ว่าทำไมพระแต่ละรุ่นที่อยากมาเป็นเจ้าอาวาสวัดแสงแรงจึงมองว่าแม่ชีเป็นอุปสรรคในการบริหารวัด อาจเป็นเพราะแม่ชีบวชมานานและรู้พิธีกรรมดีจริงๆ จนทำให้การทักท้วงของท่านมีพลัง ผมเองเคยถูกท่านท้วงหลายเรื่องเหมือนกัน เพราะพิธีกรรมแต่ละที่แตกต่างกัน ซึ่งผมมองว่าไม่ใช่ปัญหา เพราะพิธีกรรมก็แค่พิธีกรรม

สมัยอยู่ที่นั่น ผมต่อรองกับแม่ชีด้วยการปรับพิธีกรรมตามท่าน แต่ผมขอใช้เวลา 4-5 นาทีในการพูดธรรมะเสมอ จนผ่านไประยะหนึ่ง ถ้าผมไม่พูดธรรมะ แกจะขอร้องให้ผมช่วยพูด คือเอาเข้าจริง ทุกคนมีความยืดหยุ่นและพร้อมจะเปลี่ยนคับ แค่เขาไม่ควรถูกบังคับด้วยความรุนแรง

แม่ชียังช่วยงานวัดเป็นปกติ ปี 2558 ที่พระจากธรรมกายเป็นรักษาการเจ้าอาวาส ท่านจัดทอดกฐินเพื่อสร้างศาลาประดิษฐานรูปพ่อท่านทอง เงินส่วนใหญ่มาจากลูกศิษย์พ่อท่านทองเองและศรัทธาต่อพี่สาวนุ้ย ขณะที่แม่ชีก็ช่วยหาเงินและชักชวนคนมาทำบุญ กล่าวให้สั้นคือ ไม่ว่าจะต่อต้านความงมงายแค่ไหน แต่วัดนั้นแม้ปัจจุบันก็ยังได้รับการสนับสนุนจากลูกหลานที่เชื่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์

ถ้ามองว่าการไหว้เจ้าแม่งมงาย การเอาข้าวมาถวายพระแล้วคนตายจะได้บุญ หรือชีวิตเราจะดีขึ้น มีเหตุผลที่ดีกว่าตรงไหนครับ มีอะไรมาพิสูจน์ว่าอันแรกผิดและอันหลังถูก ศาสนาเป็นเรื่องความเชื่อที่พิสูจน์ยาก สิ่งแรกผิดเพียงเพราะเราอ้างว่าพระพุทธเจ้าไม่เห็นด้วยกับอันแรก แต่สอนให้ทำอันหลัง สรุปคือ ความถูกต้องอยู่ที่ใครมีอำนาจ และคนมีอำนาจนั้นก็อ้างความชอบธรรมชี้หน้าด่าคนอื่นว่างมงาย ทั้งที่ตัวเองก็อธิบายให้ดีกว่าไม่ได้

วัดเป็นแหล่งมั่วสุม?
ผมเชื่อว่าทุกวัดเป็นเช่นนี้ เพราะวัดเป็นศูนย์รวมของคนหลายประเภท พระที่มาจากต่างที่ก็จะมีคนจากต่างที่มาเยี่ยมหรือบ้างก็ขอพักกับท่าน ฉะนั้น การกล่าวหาว่าวัดแสงแรงเท่านั้นเป็นแหล่งมั่วสุมจึงไม่ถูกนัก ผมเองไม่ค่อยชอบการที่ชาวบ้าน ลูกหลาน วัยรุ่นของพระ/ชี มานอนในวัด แต่บางกรณีก็ต้องเห็นใจเขา เขาอยากมาอยู่กับแม่ กับพ่อ เป็นต้น ถ้าไม่สร้างความรำคาญ เช่น เปิดเพลงเสียงดัง ก็ยังถือว่ารับได้อยู่ และถ้าอ้างว่าเป็นแหล่งเสพหรือค้ายา ก็ต้องพิสูจน์กันด้วยหลักฐาน

แม่ชีเป็นคนมีฐานะ เพราะท่านมีสวนยางพารา นี่เป็นสมบัติที่มีมาก่อนบวช ฉะนั้นคนจำนวนมากก็ขอความช่วยเหลือยืมเงินจากท่าน เงินนี้ยังเอามาช่วยค่าน้ำค่าไฟในช่วงที่เงินบริจาคไม่พอ และพระรักษาการเจ้าอาวาสบางรูปก็ขอยืมตังค์ท่าน ทั้งที่เคยพยายามขับไล่ท่าน แม่ชีเล่าให้ผมฟังว่า “ถ้าเขาเดือดร้อน แกก็ยินดีจะช่วย เรื่องความขัดแย้งกันก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง” และแน่นอนว่า ถ้าไม่คืน ท่านก็ไม่มีแก๊งมาเฟียไปทวงหนี้หรือเอาชีวิตใคร ผมมองว่า ท่านมีเมตตามาก หากเทียบกับพระหลายรูปที่ผมเคยรู้จัก

ใครกันแน่ที่เป็นมาเฟีย?
วัดแสงแรงเป็นที่ที่พระไม่อยากอยู่ เพราะมีอุปสรรคเรื่องการบิณฑบาต เนื่องจากห่างไกลชุมชน ก่อนหน้ามหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์เข้ามา บริเวณนี้เต็มไปด้วยชาวบ้าน แต่ต้องถูกเวรคืนและย้ายไปอยู่หลังมหาวิทยาลัย ซึ่งห่างจากวัดราว 5 กิโลเมตร แต่วัดก็มีค่ามากขึ้น เมื่อมหาวิทยาลัยสร้างศูนย์การแพทย์ขึ้นบริเวณที่ติดกับวัด นั่นหมายความว่า พื้นที่บริเวณนั้นจะแพงขึ้นอย่างมาก และวัดเองมีเนื้อที่มากเกือบ 80 ไร่ ฉะนั้น หากใครเห็นช่องทางที่จะสร้างที่พักหรือเปิดให้เช่าที่ดิน ก็คงได้ผลประโยชน์มากเช่นกัน

แน่นอนว่าแม่ชีไม่มีสิทธิ์ในการทำเช่นนั้น เพราะไทยเป็นประเทศปิตาธิปไตย คือให้อำนาจผู้ชาย เจ้าอาวาสที่เป็นผู้ชายเท่านั้นจึงจะมีสิทธิ์จัดการที่ดินวัด ฉะนั้น แม้แม่ชีจะบวชเป็นร้อยปี ก็ยังคงเป็นแค่ผู้ช่วยพระหรือคนรับใช้ทำอาหารให้พระเท่านั้นจริงๆ (หากไม่คิดจะซื้อที่สร้างสำนักตัวเอง)

ช่วง ปี 2558 รักษาการเจ้าอาวาสรูปหนึ่งมีแผนจะให้ชาวบ้านเช่าที่วัดเพื่อสร้างที่อยู่อาศัยแบบถาวรเลย อาจต่อสัญญากันเป็นสิบปี เจตนาที่ท่านพูดคือ เพื่อให้วัดถูกแวดล้อมด้วยชุมชนอีกครั้ง อย่างน้อยที่สุดการไม่ลำบากในการบิณฑบาตของพระจะช่วยให้พระอยู่ที่วัดมากขึ้น (เพราะปัจจุบันมีราว 1-2 รูปเท่านั้น) ซึ่งผมก็มองว่าแนวคิดนี้ใช้ได้นะ

แต่โครงการนั้นก็ถูกต่อต้านโดยแม่ชีและชาวบ้านกลุ่มหนึ่ง ที่เชื่อว่าอาจเป็นโครงการที่หวังผลประโยชน์อย่างอื่น เจตนาของแม่ชีก็เพื่อรักษาไม่ให้วัดตกเป็นของใครซึ่งจะมาแสวงหาผลประโยชน์เพียงเพราะพื้นที่วัดขยับราคาสูงขึ้น เหตุผลนี้ก็น่ารับฟังเช่นกัน จากหลายๆ เหตุการณ์ เช่น สร้างศาลาประดิษฐานพ่อท่านทอง แม่ชีก็เคยคัดค้านด้วยเหตุผลว่า ศาลาเดิมซึ่งเป็นกุฏิที่ท่านเคยอยู่ยังพอใช้ได้อยู่ และมันอาจให้คุณค่าบางอย่างมากกว่าของใหม่ จริงๆ แม่ชีพยายามรักษาผลประโยชน์ของวัดเช่นกันนะ หากมองในแง่อนุรักษ์นิยมของท่านหรือลูกศิษย์ผู้จงรักภักดีต่ออดีตเจ้าอาวาส

ผมจึงไม่ทราบว่าใครเป็นหรือไม่เป็นมาเฟีย แต่สิ่งที่เห็นคือ แม่ชีไม่เคยใช้อำนาจไล่พระ ท่านช่วยจ่างตังค์ค่ารถและทำอาหารให้หากพระบิณฑบาตไม่ได้ พยายามช่วยเหลือชาวบ้านทั่วไปและปกป้องผลประโยชน์ของวัดเท่าที่สามารถ ผมเชื่อว่าวัดแสงแรงพัฒนาได้โดยไม่จำเป็นต้องไล่แม่ชี ขอแค่ให้มีเจ้าอาวาสที่ตั้งใจทำงาน ความแตกต่างด้านความเชื่อไม่ใช่เรื่องใหญ่ ปรับปรนกันไปได้ (เพราะดังที่ผมพูดไปว่า เชื่อผีกับเชื่อพุทธ ความงมงายและเหตุผลแทบไม่ต่างกัน)

กรณีที่ท่านถูกขอให้ไปอยู่ที่อื่น ผมช่วยอะไรท่านไม่ได้จริงๆ ข้อเขียนนี้เป็นเพียงสิ่งที่ผมอยากสื่อในฐานะเคยรู้จักและได้รับความช่วยเหลือจากแม่ชีหลายเรื่อง ขอให้ท่านสุขภาพแข็งแรงและมีความสุขกับที่ใหม่แล้วกันครับ  

“คือผมไม่ทราบนะว่าใครเป็นมาเฟีย แต่ส่วนตัวแล้ว ผมกลัวทหารมากกว่ากลัวแม่ชีครับ” อิอิ

เจษฎา บัวบาล
1 ธันวาคม 2561



No comments:

Post a Comment